Muse Mag
Muse Latitude : ศรัทธาสากล ตามรอย “วัตถุต้องมนต์” มงคลรอบโลก
Muse Mag
20 ม.ค. 65 941

ผู้เขียน : Administrator

            เครื่องรางของขลัง คือ ศรัทธา ความหวัง และการปลอบประโลม สามสิ่งที่เราสัมผัสได้ระหว่างหาข้อมูลเขียนเรื่องราวความเชื่อรอบโลก ไม่มีใครรู้ว่าความเชื่อเรื่องวัตถุมงคลเกิดขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อไหร่ รู้แค่ว่าความเชื่อเหล่านั้นได้ฝังรากลึกพร้อมแตกแขนงไปอย่างไม่สิ้นสุด ซ้ำยังเข้มข้นขึ้นบนสภาวะความไม่แน่นอนในปัจจุบัน วิกฤตระดับโลกกลายเป็นปัญหาใกล้ตัวที่ผู้คนต่างต้องยอมรับชะตากรรมร่วมกัน ยิ่งอุปสรรคลดทอนโอกาสมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องไขว่คว้าหาความหวังแบบเร่งด่วน เครื่องรางของขลังกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใกล้ตัวที่แฝงอยู่ในทุกสังคม


            Muse Latitude ฉบับนี้ชวนออกเดินทางค้นหาเรื่องราววัตถุต้องมนต์ทั่วโลกที่ว่ากันว่า หากใครได้ครอบครองสักครั้ง รับรองว่าชีวิตมีแต่ปังและลัคกี้แน่นอน

 

“Worry Doll” ตุ๊กตาไร้กังวลสู่เพื่อนในจินตนาการ



 

            Don’t Worry, Be Happy - “Worry Doll” หรือตุ๊กตาไร้กังวล เครื่องรางบรรเทาทุกข์ที่เด็กๆ ชาวกัวเตมาลามักได้รับจากผู้ใหญ่ เมื่อเด็กๆ มีความทุกข์จะเล่าให้ตุ๊กตาฟังเพียงลำพัง แล้วเก็บไว้ใต้หมอนหนุนยามค่ำคืน ว่ากันว่าตุ๊กตาจะเก็บกักความกังวลเอาไว้กับตัวเพื่อช่วยให้เด็กๆ นอนฝันดี เมื่อตื่นเช้าเด็กๆ จะคลายกังวลอย่างน่าประหลาดและพบหนทางแก้ปัญหาได้เอง เครื่องรางสุดป๊อปจากประเทศลึกลับกัวเตมาลาถูกเล่าขานตามตำนานโบราณของชนเผ่าพื้นเมืองชาวมายันว่า แท้จริง Worry Doll คือตัวแทนของเจ้าหญิง Ixmucane เธอได้รับพรจากเทพเจ้าดวงอาทิตย์  ให้มีมนตราขจัดทุกข์บำรุงสุขให้กับมนุษย์โลก ปัญหาอะไรแค่เล่าให้เธอฟัง ความทุกข์โศกจะมลายหายสิ้น (ไม่รู้ว่าหายไปจริงหรือสุดท้ายมาตกอยู่กับเธอ) นั่นคือต้นกำเนิดแห่ง Worry Doll ที่กลายเป็นตัวแทนเจ้าหญิงและอำนาจพิเศษของเธอ

 



            แม้รูปร่างหน้าตา Worry Doll ดูคล้ายตุ๊กตาจากลัทธิวูดูผู้นำพาวิญญาณร้าย แต่แท้จริงต้นกำเนิดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความงดงามและเปี่ยมความหวังดี ตัวตุ๊กตาเป็นงานแฮนด์เมดขนาดครึ่งถึงสองนิ้ว บ้างทำจากลวด ขนสัตว์หรือสิ่งทอหลากสีที่เหลือใช้ และสวมชุดประจำเผ่าชาวมายัน แต่ปัจจุบันมีชุดให้เลือกหลากหลายขึ้น เช่น เจ้าหญิง คุณหมอ นางฟ้า ตัวตลก ฯลฯ เพราะวันนี้ Worry Doll ได้กลายเป็นของที่ระลึก Must Have ที่เด็กๆ ยากจนในกัวเตมาลาและเม็กซิโกเดินเร่ขายให้กับนักท่องเที่ยว

 

 

จาก “เครื่องราง” สู่ “เพื่อนในจินตนาการ”

 

 

               ในทางกุมารเวชสมัยใหม่ นักจิตเวชอาจใช้ Worry Doll เป็นเครื่องมือสื่อสารกับเด็กเสมือนเพื่อนในจินตนาการ เป็นผู้ฟัง ผู้พูด และผู้สื่อสารที่เด็กๆ ไว้ใจ เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ของนักจิตเวช ผู้ปกครอง และตัวเด็กอย่างแยบยล นักจิตเวชจะเชิญชวนให้เด็กๆ ระบายความกลัดกลุ้มกับ Worry Doll ซึ่งมีงานวิจัยรับรองว่าการพูดเป็นเทคนิคการบำบัดรูปแบบหนึ่ง นอกจากผู้พูดจะเปิดเผยความรู้สึกลึกๆ ซึ่งปกติไม่อาจเปิดเผยกับใครได้แล้ว การพูดถึงปัญหาจะทำให้ตัวผู้พูดเองประมวลและเข้าใจปัญหาที่แท้จริงได้ดีขึ้น  โดยเฉพาะการบำบัดผ่านกิจกรรมกลุ่ม Worry Doll ช่วยให้ผู้ได้รับการบำบัดจดจ่อกับสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากปัญหา กระทั่งสามารถเยียวยาความหวาดกลัวของเหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจเหตุการณ์นั้นได้ด้วยตัวเอง

อ้างอิง : https://earlyimpactlearning.com

 

“ปลาเหล็กนำโชค” เครื่องรางสุขภาพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าแบบกัมพูชาชน

 

 

 

            เครื่องรางสุดครีเอทที่หลอมรวมความเชื่อเข้ากับอาหารและสุขภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวโลก ต่อไปนี้คือเรื่องราวของ “Lucky Iron Fish” หรือปลาเหล็กนำโชค ที่ทำให้ผู้คนโชคดีแฮปปี้ชาตินี้โดยไม่ต้องรอชาติหน้า


            “ปลา” นอกจากเป็นซิกเนเจอร์ส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยของชาวจีนและญี่ปุ่นแล้ว ชาวกัมพูชาเชื่อว่าปลาเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและโชคลาภ จึงเกิดเป็นไอเดียนำความเชื่อมาต่อยอดเพื่อช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่มีปัญหาขาดธาตุเหล็กกว่าครึ่งประเทศ (6 ล้านคน) และโครงการนี้คือจุดเริ่มต้นของการช่วยเหลืออีกกว่า 3.5 พันล้านคนทั่วโลกที่ประสบปัญหาขาดแคลนธาตุเหล็กจนกลายเป็นโรคโลหิตจาง นึกภาพหน้าที่หลักของธาตุเหล็กคือพาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและสมอง พบมากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ตับ ไข่ แต่เมื่อคนบางกลุ่มไม่มีรายได้เพียงพอเพื่อซื้ออาหารเหล่านี้ ร่างกายและสมองก็ขาดออกซิเจนและสารอาหาร ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เหม่อลอย ท้อแท้ และเข้าสู่ภาวะโลหิตจาง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาด้านโภชนาการระดับโลก

 

 

            ดร.คริสโตเฟอร์ ชาลส์ (Dr.Christopher Charles) จากแคนาดา จึงคิดผลิตแท่งเหล็กหน้าตาเหลี่ยมๆ ใช้ใส่ในอาหารขณะปรุงเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่พอนำไปแจกให้ชาวบ้านที่กัมพูชาใช้กลับไม่มีใครกล้าแตะ ทีมงานจึงออกสำรวจแล้วหาทางแก้ไข  จนสืบพบว่าชาวกัมพูชาเชื่อว่าปลาคือสัตว์นำโชค ทีมวิจัยจึงดัดแปลงแท่งเหล็กให้กลายเป็นน้องปลาหน้าตาน่ารัก จากนั้นปลาเหล็กนำโชคก็เริ่มแพร่หลายกลายเป็นวัตถุดิบคู่ครัวเขมร วิธีปรุงอาหารเพียงตั้งน้ำให้เดือด หย่อนปลาเหล็กลงในหม้อแกง เหยาะน้ำมะนาวเล็กน้อย ต้มไป 10 นาที จากนั้นนำปลาออก แล้วจะแกงอะไรก็ตามสะดวก หมดกังวลไร้รสไร้กลิ่นติดน้ำแกง แต่เสริมธาตุเหล็กได้ 75% ของปริมาณที่จำเป็นในแต่ละวัน ส่วนปลาเหล็กเก็บไว้ใช้ซ้ำได้นานถึง 5 ปี!

 


            โครงการนี้เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ช่วยลดการขาดธาตุเหล็กของชาวกัมพูชาลงกว่า 50% และกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ที่ขาดสารอาหารเท่านั้น แต่ยังใช้ดีกับผู้ที่ต้องการเสริมใยเหล็ก เอ๊ย! ธาตุเหล็กเป็นพิเศษ เช่น คุณแม่ช่วงตั้งครรภ์ เด็ก และบุคคลทั่วไป ช่วยให้มีพลังงานมากขึ้น เลือดไหลเวียนดี สมองโลดแล่น เมื่อสุขภาพดีมีแรงทำงาน สุขภาพจิตดี ก็มีสติพัฒนาชีวิตให้ดียิ่งขึ้น นี่แหละอิทธิฤทธิ์ของเครื่องรางนำโชคที่แท้จริง

 

 

อ้างอิง :
www.luckyironfish.com
www.facebook.com/LuckyIronFish

www.thousandreason.com

Youtube Channel : Lucky Iron Fish

 

ลาภปาก Lucky Food กินยังไงให้โชคดี

 

เส้นยิ่งยาว รักยิ่งยั่งยืน
            อาหารเส้นถูกอวยยศเป็นของมงคลในความเชื่อของชาวเอเชีย เช่น คนจีนมักเสิร์ฟบะหมี่ในวันเกิด หรือวัฒนธรรมการกินเส้นโซบะในวันข้ามปีของญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่าเส้นยาวๆ จะทำให้อายุยืน ส่วนไทยเองอาหารเส้นที่ได้รับตกทอดผสมผสานทางวัฒนธรรมก็จัดอยู่ในหมวดอาหารห้ามพลาดในพิธีมงคล โดยเฉพาะงานแต่งงาน ขนมจีนน้ำยา เป็นเมนูมงคลประจำพิธีแต่งงานและหมั้นแบบไทยๆ (สมัยนี้ไม่ค่อยเห็นเพราะอาหารส่วนใหญ่เป็นโต๊ะจีนและบุฟเฟต์) ลักษณะขนมจีนที่ดีในงานมงคลต้องเป็นแพจับใหญ่ เส้นยาว ไม่ขาดรุ่ย เรียงต่อเป็นระเบียบ เชื่อว่าบ่าวสาวจะก่อร่างสร้างตัวได้เร็ว คิดทำอะไรก็ต่อเนื่องไร้อุปสรรค และความรักของทั้งคู่จะยืดยาวเหมือนเส้นขนมจีน

 

            นอกจากไทยแล้วขนมจีนยังเป็นอาหารมงคลนัมเบอร์วันของพม่า ลาว กัมพูชา เพราะรับประทานง่าย อยู่ได้นาน เหมาะกับการใช้เลี้ยงแขกจำนวนมาก อีกหนึ่งเมนูที่นิยมไม่แพ้กันคือ ผัดไทยเส้นจันท์ นอกจากความยาวแล้ว เส้นจันท์มีดีที่เหนียวนุ่ม ไม่เปื่อยขาดง่าย ดุจความรักที่เหนียวแน่นยืนนาน  ส่วน “ลูกจัน” สมัยก่อนนิยมนำมาทำขนมเพราะมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน เป็นตัวแทนของเสน่ห์และความหลงใหล เมื่อมีการเรียกเส้นจันท์ จึงเป็นคำพ้องเสียง สื่อความหมายถึงความรัก ความหลงใหล



อาหารมงคลสู่ “อาหารต้องห้าม” ในงานศพ


            ขณะที่อาหารเส้นถือเป็นสัญญะการอวยพรให้คู่บ่าวสาว ในทางกลับกันหากเป็นงานศพ อาหารเส้นจะถูกมองดุจปีศาจ ด้วยความเชื่อว่าคนตายจะไม่ยอมตัดขาดกับญาติ เพราะยังมีสายใยผูกพันเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว บ้างว่าทำให้จากไปไม่สงบ บ้างว่าคนตายจะไม่สู่สุคติ หรือกระทั่งอาจชวนคนในครอบครัวไปอยู่ด้วยกัน แต่ในปัจจุบันความเชื่อนี้อ่อนแรงลงไป เจ้าภาพไม่ถือสาและเลือกอาหารจำพวกเส้นไว้เลี้ยงแขกในงานศพ ซึ่งมีทริกแก้เคล็ดง่ายๆ เพียงตัดเส้นก๋วยเตี๋ยวหรือขนมจีนให้สั้นลงแยกขาดออกจากกัน แค่นั้นก็ซู้ดเส้นอร่อยไร้กังวล

 


พี่น้องตระกูลทอง มรดกความอร่อยและโชคลาภแห่งโปรตุเกส


            สวย อร่อย ทรงคุณค่าไม่แพ้ใคร ขนมตระกูลทองยืนหนึ่งในขนมงานมงคลไทยที่เฉพาะเจาะจงว่าให้โชคลาภและความร่ำรวย นิยมทำบุญถวายพระ งานบวช งานแต่งงาน ให้เป็นของขวัญ หรือขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งต้องยกความดีงามให้กับท้าวทองกีบม้า ต้นตำรับขนมไทยเชื้อสายโปรตุเกสในปลายสมัยอยุธยา ที่จับเอาแนวคิดเบเกอรี่ผสานวัตถุดิบท้องถิ่นจนกลายเป็นของหวานในราชสำนัก โดยขนมตระกูลทองแต่ละชนิดก็ให้โชคแตกต่างกัน
            ขนมทองหยิบ
รูปทรงประณีตคล้ายดอกไม้สีทอง หมายถึงหยิบเงินหยิบทอง มีเงินใช้สอยไม่ขาดมือ  
            ขนมทองหยอด ทรงกลมหยดน้ำ หมายถึงหยอดเงินหยอดทอง เปย์เท่าไหร่ก็ไม่หมดไม่สิ้น
            ขนมฝอยทอง มักใช้ในงานแต่งงาน สำคัญคือห้ามตัดฝอยทองให้สั้น แล้วบ่าวสาวจะรักกันหวานชื่นยืนยาว
            ขนมทองเอก มีทองคำเปลวแปะอยู่บนขนมเพิ่มความสิริมงคล เอกหมายถึงเป็นที่หนึ่ง จึงมักมอบให้เป็นของขวัญกับผู้ที่ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือเมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  

 

อ้างอิง
https://www.trueplookpanya.com

https://waterlibrary.com

https://sites.google.com

https://www.ruay365.com

https://horoscope.mthai.com

 

Evil Eye VS Nazars ศึกนัยน์ตาปีศาจ ความเกลียดชังจากยุคบรรพกาล

 

 

            ใครจะคิดว่าการจ้องด้วยดวงตาอาฆาตมาดร้ายจะมีอิทธิพลจนผู้ถูกจ้องอาจเจ็บไข้ได้ป่วยหรือถึงแก่ความตาย!!


            “Evil Eye” หรือนัยน์ตาปีศาจ คือศาสตร์มืดโบราณถือกำเนิดในดินแดนทางตะวันออกของเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลและจารึกของชาวสุเมเรียนอายุ 5,000 ปี ความเชื่อเรื่องนัยน์ตาปีศาจแผ่ขยายและแฝงตัวอยู่ในแทบทุกศาสนา ทั้งยิว คริสเตียน มุสลิม พุทธศาสนา และสังคมฮินดู จนกลายเป็นหนึ่งในความเชื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เชื่อกันว่านัยน์ตาแห่งการสาปแช่ง อิจฉาริษยา และเกลียดชัง มักโผล่ไปในที่ที่มีการสรรเสริญเยินยอเกินเหตุ และทำให้คนเหล่านั้นพบกับโชคร้าย พลูทาร์ก (Plutarch) นักปรัชญาชาวกรีกอธิบายเรื่อง Evil Eye ไว้ตามหลักวิทยาศาสตร์ยุคนั้นว่า ดวงตาของมนุษย์มีพลังปล่อยรังสีที่มองไม่เห็น ซึ่งรังสีนั้นสามารถฆ่าเด็กหรือสัตว์ขนาดเล็กได้

 

 

            ระดับความเชื่อที่เข้มข้นทำให้หลายวัฒนธรรมสรรหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันพลังเร้นลับของ Evil Eye และหนึ่งในเครื่องรางที่เราเห็นบ่อยที่สุดคือ Nazars นัยน์ตาโตสีน้ำเงิน ฟ้า ขาว เรียงลำดับ เป็นเครื่องรางสัญชาติตุรกีที่มีเวทมนตร์ปัดเป่าและสะท้อนสิ่งชั่วร้ายกลับไปสู่ผู้ที่จ้องมอง เรียกว่าสู้กันแบบตาต่อตา! ทุกวันนี้ Nazars กลายเป็นเครื่องรางแห่งโลกแฟชั่น ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ในรถยนต์ ฯลฯ ตำนานนัยน์ตาปีศาจจึงถูกขยายการรับรู้และเพิ่มมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะในวงการบันเทิงรอบโลกที่ดารานักแสดงมักพกหรือสวมใส่สัญลักษณ์นี้ให้เห็นอยู่เสมอ และเมื่อมี Nazars อยู่ข้างกายก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว Evil Eye เครื่องรางจะเป็นตัวกลางช่วยเคลียร์จิตใจให้ผู้สวมใส่รู้สึกปลอดภัย มีสติทำในสิ่งที่ตั้งใจ ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากพลังลบ Evil Eye และเมื่อจิตใจปราศจากความกลัว ย่อมมีพลังมุ่งสู่ความสำเร็จที่ต้องการ

 



อ้างอิง

https://www.nationalgeographic.com

https://www.karmaandluck.com

https://th.wikipedia.org/wiki/นัยน์ตาปีศาจ

https://www.dek-d.com/studyabroad/48712

 



ย้อนกลับ