ตามหลักฐานที่ปรากฎสังคมไทยมีการปฏิสัมพันธ์กับชาติตะวันตกมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างน้อย และสืบต่อเนื่องมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ หลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง (Bowring Treaty) ในปีพ.ศ. 2398 ประเทศสยามได้เปิดรับอารยธรรมตะวันตกอย่างจริงจัง มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมากมายพร้อมการขยายตัวของเมืองแห่งนี้ ทั้งธุรกิจการโรงแรมและกิจการด้านอาหารการกินแบบตะวันตก โดยเฉพาะยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการปฏิรูปประเทศ ธุรกิจเบเกอรี่เป็นหนึ่งในธุรกิจด้านอาหารตะวันตกที่เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับชาวตะวันตกที่พำนักอยู่ในสยาม ทว่าในภายหลังกิจการทำขนมแบบฝรั่งนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยและรู้จักกันมากขึ้นภายใต้การดำเนินกิจการของคนจีนที่ตั้งรกรากอยู่ในสยาม
ภาพที่ 1 : โฆษณาร้านโอเรียนเติล เบเกอรี่ ในหนังสือที่ระลึกสยามรัฐพิพิธภัณฑ์
แหล่งที่มา : ที่ระลึกสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ สวนลุมพินี พ.ศ. 2468. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์. (2470) ,น.LI
ปัจจุบันมีหลักฐานที่สามารถสืบค้นได้พบว่ากิจการเบเกอรี่ที่มีการดำเนินธุรกิจมาเก่าแก่ยาวนานที่สุดเป็นห้างโอเรียนเติล เบเกอรี่ (Oriental Bakery) ถนนโอเรียนเต็ล ซึ่งได้ลงโฆษณาในหนังสือที่ระลึกสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ในปีพ.ศ.2468 ว่าห้างนี้ได้ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2430 เป็นห้างรับทำขนมปังและขนมเค้ก ตลอดจนขนมแบบตะวันตกต่างๆ สำหรับใช้ในงานฉลองประเภทต่างๆ ห้างนี้มีสาขาอยู่แถวบ้านหม้ออีกแห่งหนึ่ง สำหรับผู้จัดการของห้างแห่งนี้คือนายเอฟ.วี.เดอ.เยซู ( F.V. De. Jesus ) ลูกครึ่งไทย-โปรตุเกสที่จบการศึกษาจากสิงคโปร์และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากในสังคมนักธุรกิจชาวตะวันตกของกรุงเทพฯ ผู้เขียนจึงอนุมานว่าห้างนี้น่าจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวตะวันตกหรือผู้นิยมวัฒนธรรมตะวันตกเป็นสำคัญ และเป็นหนึ่งกิจการในเครือของโรงแรมโอเรียนเต็ลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจอาหารตะวันตกและธุรกิจเบเกอรี่โดยคนจีนนั้นสันนิษฐานว่ามีจุด เริ่มต้นจากคนจีนที่เข้าไปทำงานเป็นลูกจ้าง ต่อมาเขยิบเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจประเภทนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอย่างน้อย คนจีนเหล่านี้เป็นชาวจีนไหหลำและมีจำนวนไม่น้อยที่ได้ทำงานเป็นคนรับใช้และคนครัวตามบ้านพักของชาวตะวันตกในกรุงเทพฯ รวมถึงคนครัว บริกรชาย และบาร์เทนเดอร์ในโรงแรม หรือบาร์แบบตะวันตก อาทิ โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นต้น นอกจากนี้คนจีนไหหลำบางรายยังเข้าไปมีบทบาทในฐานะผู้ผลิตอาหารแบบตะวันตก เช่น นายฮุนอุ่นตุ้ย (雲崇對) ต้นตระกูลฮุนตระกูลที่มีกิจการโรงงานผลิตขนมปังปอนด์แบบฝรั่งสำหรับจำหน่ายให้ชาวตะวันตกในย่านบางรัก เป็นต้น
ภาพที่ 2 : นายฮุนอุ่นตุ้ย ฮุนตระกูล และบุตรคนหัวปีทั้งสี่คน ถ่ายประมาณ พ.ศ.2430
แหล่งที่มาภาพ : อนุสรณ์นายโกศล ฮุนตระกูล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อรุณการพิมพ์. (2502)
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีปรากฏใบโฆษณาร้านเบเกอรี่ของคนจีนบนหน้าหนังสือพิมพ์จีนโนสยามวารศัพท์ (ฮั่วเซียมซินป่อ) เดือนเมษายน พ.ศ. 2460 เขียนแจ้งข้อความว่า ยี่ห้อบ้วนฮะเสง (萬合盛) ริมคลองสาธร ( คลองพ่อยม) ถนนสีลม รับทำขนมปังขนมเค้กต่าง ๆ ทั้งขายหน้าร้านและรับทำขนมแบบตะวันตกสำหรับงานฉลองต่าง ๆ ด้วย โดยคิดราคาถูกกว่าโฮเต็ลของชาวตะวันตก และผู้ซื้อสามารถมาตกลงราคาและเข้าเยี่ยมชมโรงงานได้ด้วย โฆษณาฉบับนี้นับเป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดของกิจการเบเกอรี่ที่มีคนจีนเป็นเจ้าของในเมืองไทยอีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเบเกอรี่ หรือขนมอบแบบตะวันตกเริ่มแพร่หลายมาตั้งแต่ทศวรรษ 2460 เป็นอย่างน้อย
ภาพที่ 3 โฆษณาร้านยี่ห้อบ้วนฮะเสง บนหน้าหนังสือพิมพ์จีนโนสยามวารศัพท์
ก้าวสู่ช่วงทศวรรษ 2470 ธุรกิจเบเกอรี่ที่ดำเนินการโดยคนจีนก็ขยายตัวมากขึ้นพร้อมกับความนิยมบริโภคที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะละแวกบางรักและเจริญกรุงมีกิจการเบเกอรี่เปิดใหม่หลายแห่ง ตัวอย่างเช่น ร้านกวนชวนเฮียงเบเกอรี่ (冠全香公司) ตรอกชาร์เตอร์แบงก์ บางรัก ซึ่งได้ลงโฆษณารับทำเค้กและขนมปังต่างๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้งในช่วงทศวรรษ 2470-2480 รวมถึงมีการลงโฆษณาในหนังสือที่ระลึกเปิดโรงเรียนมัธยมจงหัวที่ตั้งอยู่ย่านสาธร จึงอาจอนุมานได้ว่าร้านนี้คงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในชุมชนชาวจีนในกรุงเทพฯ อีกทั้ง ร้านยังระบุในคำโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์กรุงเทพวารศัพท์ที่เริ่มตีพิมพ์เมื่อปีพ.ศ. 2475 ว่าเป็นร้านเก่าแก่ที่ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ร้านเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง คือ ร้านมอนโลเฮียงเบเกอรี่ (曼羅香西粿行) ที่ตั้งอยู่ในย่านถนนเจริญกรุงเช่นเดียวกัน โดยอ้างอิงจากบันทึกของชุลี สารนุสิต ผู้ต้องหาในคดีกบฏบวรเดช (พ.ศ.2476) ได้กล่าวถึงอาหารที่ญาตินำมาเยี่ยมที่เรือนจำบางขวางว่ามีขนมเค้กจากร้านมอนโลเฮียงด้วย ต่อมาภายหลังร้านมอนโลเฮียงได้ย้ายไปตั้งอยู่ละแวกสะพานควาย และยังคงดำเนินกิจการต่อมาจนปัจจุบัน จากหลักฐานที่ปรากฏ นับได้ว่าร้านเบเกอรี่ทั้งสองร้านนี้เป็นเบเกอรี่รุ่นเก่าที่มีชื่อเสียงมากระดับหนึ่ง
ภาพที่ 4 : โฆษณาร้านกวนชวนเฮียงเบเกอรี่ พุทธศักราช 2480
แหล่งที่มา : 林森.華商 : 附暹羅中華中學校高中校舍落成紀念刊 ,曼谷:暹羅總商會 ( 1937) , P.75
ภาพที่ 5 ด้านหน้าร้านปั้นลี่เบเกอรี่ที่มีป้ายชื่อร้านสามภาษา (อังกฤษ-ไทย-จีน) เพื่อรองรับลูกค้าทุกลุ่ม
แหล่งที่มาภาพ: I Am Eat. June 30, 2021. สืบค้นจาก https://bit.ly/40aDpX7 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2567
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ร้านเบเกอรี่ของคนจีนในย่านบางรักและเจริญกรุงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ ร้านปั้นลี่เบเกอรี่ (萬利) ของชาวจีนไหหลำแซ่ผู่ที่เริ่มต้นกิจการในปี พ.ศ.2493 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นร้านเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียง เป็นต้น ศูนย์กลางของร้านเบเกอรี่เหล่านี้ตั้งอยู่ในย่านบางรักและสีลม ก่อนขยายตัวออกไปยังพื้นที่รอบนอกทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้สังคมไทยได้รู้จักกับขนมเบเกอรี่แบบตะวันตกอย่างแพร่หลายมากขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน นับได้ว่าคนจีนเป็นกลุ่มคนที่บทบาทสำคัญในความเติบโตของธุรกิจ
เบเกอรี่ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
บรรณานุกรม
กวนชวนเฮียงเบเกอรี่ . กรุงเทพฯ วารศัพท์ . ปีที่ 1 ฉบับที่ 143 วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2475 , น.16
แจ้งความรับทำขนม. จีนโนสยามวารศัพท์. ฉบับที่ 13 วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2460 , น.2
ชุลี สารนุสิต. แดนหก. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สมรรถภาพ. (2488)
ที่ระลึกสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ สวนลุมพินี พ.ศ. 2468. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์. (2470)
อนุมานราชธน , พระยา. ฟื้นความหลัง เล่ม 2. กรุงเทพฯ : ศึกษิตสยาม. (2515)
อนุสรณ์นายโกศล ฮุนตระกูล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อรุณการพิมพ์. (2502)
panleebakery. Welcome to PANLEE BAKERY. สืบค้นจาก https://panleebakery.com/welcome-to-panlee-bakery/ (ออนไลน์) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2567.