‘เยาวราชมีแต่ของอร่อย’
ประโยคนี้คุ้นหูมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่กว่าที่เราจะเข้าใจคำนี้เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควร จนคนที่พูดบอกลาเยาวราชอย่างเป็นทางการ เนื่องจากหมดวัยไปเบียดเสียดกับผู้คนแล้วเปลี่ยนเป็นสั่งอาหารทางเดลิเวอร์รี่แทน ตรงข้ามกับเราที่พักหลังหลังมาไปเยาวราชเกือบทุกอาทิตย์ เพราะติดใจบรรยากาศคึกคักทั้งนักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้าที่ทำให้บรรยากาศตอนกลางคืนที่ถนนเยาวราชไม่เคยเงียบเหงา
ภาพเยาวราชที่คุ้นตาของเราคือถนนกว้างที่ทอดยาวไปไกล สว่างไสวตลอดเส้นทางจากป้ายภาษาจีน ภาษาไทย ภาษาอังกฤษปนกันมั่วจนกลายเป็นภาพจำของใครหลายคน เสียงดังจอแจจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในร้าน กับอาหารหลากหลายชนิดที่มีให้เลือกตั้งแต่ราคาย่อมเยาจากร้านอาหารห้องแถวริมถนน ร้านอาหารรถเข็นริมทางเท้า หรือภัตตาคารหรู อาหารจึงกลายเป็นทูตวัฒนธรรมที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่แวะเวียนมาถนนเยาวราชยามค่ำคืน
เสน่ห์ของเยาวราชในความเห็นของเราจึงคงเป็นความหลากหลายที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกรายละเอียดที่ชวนให้นึกย้อนไปราว ๆ หนึ่งร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ถนนเยาวราชจะหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วบรรยากาศจะเป็นแบบนี้มั้ย เราจึงถือโอกาสไปย้อนรอยจุดเริ่มต้นของถนนเยาวราชที่ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของพระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม ไม่ใกล้ไม่ไกลจากถนนสายสำคัญ
ภายในศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราชมีห้องจัดแสดงนิทรรศการทั้งหมด 6 ห้อง เมื่อไปถึงมีพนักงานต้อนรับให้คำแนะนำและผายมือเชิญให้เราเข้าไปดื่มด่ำเรื่องราวของถนนเยาวราชตามอัธยาศัย
ห้องแรกเป็นจุดเริ่มต้นของชุมชนจีนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ราวพ.ศ. 2325 – 2394 พาเราย้อนอดีตกลับไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรี กระทั่งต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงเทพมหานคร และมีการสร้างเมืองหลวงใหม่ รัฐบาลสยามในขณะนั้นจึงเปิดรับชาวจีนจำนวนมากเข้ามาเป็นแรงงานในกิจการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง ขุดคลอง
ภาพที่ 1 เรือสำเภาหัวแดง
การเดินทางของคนจีนจากบ้านเกิดมาสู่แผ่นดินสยามนั้นต้องโดยสารมากับเรือสำเภาหัวแดง ห้องนิทรรศการต่อมาจึงจำลองบรรยากาศเรือสำเภาหัวแดงที่ใต้ท้องเรือบรรจุสินค้าจนเต็ม ขณะที่ดาดฟ้าของเรือมีชาวจีนจำนวนมากโดยสารมาด้วย แต่ละคนมีของติดตัวไม่กี่ชิ้น ของสำคัญได้แก่ เสื่อ หมอนไม้ไผ่สาน หมวกฟาง จนเราคิดว่านี่คงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า ‘เสื้อผืนหมอนใบ’
ภาพที่ 2 สัมภาระของคนจีน
จุดเริ่มต้นของกำเนิดชุมชนจีนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325 - 2394) เริ่มต้นที่ย่านสำเพ็ง ห้องนิทรรศการจึงจำลองวิถีชีวิตของคนจีนผ่านการเล่าเรื่องด้วยหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริง ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนจีนในยุคนั้น ทั้งร้านขายของชำในย่านสำเพ็งที่ขายอาหารแห้งและของหมักดองแบบจีน เครื่องเซ่นไหว้เจ้า ร้านขายถ้วยชาม หรือแม้แต่ร้านข้าวต้มกุ๊ยที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพที่ 3 หุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถีชีวิตคนจีน
ห้องนิทรรศการห้องที่ 3 เป็นเส้นทางยุคทอง (พ.ศ.2394 – 2500) บอกเล่าถึงการเกิดของถนนสายสำคัญอย่างถนนเยาวราชที่สร้างขึ้นตามโครงการตัดถนน 18 สาย เพื่อส่งเสริมการค้าในอำเภอสำเพ็งตามแผน
กระทรวงโยธาธิการ เมื่อตัดถนนเสร็จจึงมีการปลูกตึกแถวสมัยใหม่สองข้างทาง ทำให้ชาวจีนจำนวนมากได้เริ่มต้นกิจการของตัวเอง เกิดเป็นย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและเก็บภาษีอาการโรงร้านค้าได้มากที่สุดในประเทศ
ภาพที่ 4 ถนนเยาวราช ย่านเศรษฐกิจใหม่
เมื่อมีคนจีนจำนวนมากอาศัยและทำมาหากินจึงเกิดการรวมตัวกันเป็นสมาคม ขณะเดียวกันก็มีการก่อตั้งโรงพยาบาล วัดจีน ธนาคารจีน หนังสือพิมพ์จีน ตลาดจีน โรงงิ้ว โรงน้ำชา โรงภาพยนตร์ชั้นหนึ่ง ตลอดจนภัตตาคารจีนซึ่งเป็นสถานที่พบปะทางสังคม ทำให้ถนนยาวราชกลายเป็นย่านศูนย์รวมเศรษฐกิจใหม่และความเจริญของกรุงเทพฯ ในยุคนั้น
ภาพที่ 5 ภัตตาคารจีนสถานที่พบปะทางสังคม
ห้องที่ 4 ตำนานชีวิต Hall of Frame จัดแสดงอัตถชีวประวัติของเจ้าสัวชาวเยาวราชที่ก่อร่างสร้างตัวและบุกเบิกกิจการสำคัญของประเทศไทย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนจีนรุ่นหลัง และห้องที่ 5 พระบารมีปกเกล้าฯ เป็นแกลเลอรี่ภาพถ่ายและวีดีทัศน์แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่มีต่อชาวเยาวราชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เราเดินมาจนถึงห้องสุดท้ายที่นำเสนอภาพลักษณ์อันดโดดเด่นของเยาวราชในการเป็นถนนสายทองคำ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แหล่งรวมวัฒนธรรมจีน และแหล่งอาหารเลิศรส ซึ่งเป็นภาพที่คุ้นเคยสำหรับคนรุ่นหลัง ถ้าเปรียบถนนเยาวราชเป็นผู้หญิง คงจะเป็นหญิงสาวหัวก้าวหน้าที่คิดไวทำไว คล่องแคล่ว และมีเอกลักษณ์ไม่เดินตามขนบธรรมเนียมเก่าแก่มากนัก แต่ยังคงหนักแน่นในวิถีชีวิตแบบคนจีนที่อดทน ซื่อสัตย์ และทำงานอย่างหนัก
ภาพที่ 6 ไชน่าทาวน์วันนี้
ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราชตั้งอยู่บนชั้น 2 ของพระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม เปิดให้เข้าชม
ทุกวัน คนไทยเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย